วิธีเรียงกิริยาปธานนัย
กิริยาปธานนัย คือ กิริยาที่ประกอบด้วยตูนาทิปัจจัย ตามปกติ ก็เป็น ตฺวา ปัจจัยทำหน้าที่เป็นกิริยาคุมพากย์ในประโยค ซึ่งปกติเป็นไม่ได้ ที่ต้องใช้กิริยาปธานนัย เพราะขณะที่เนื้อความกำลังดำเนินไปตาม ปกตินั้น เกิดมีประธานของประโยคบางส่วนแยกไปทำกิริยาอื่น แต่ ประธานบางส่วนมีได้ทำด้วย แต่ประโยคจำต้องดำเนินเรื่อยไปดังนี้ จึงนิยมใช้กิริยาปธานนัย เพื่อให้ประโยคเป็นไปไม่ขาดสาย เท่าที่สังเกดดู วิธีใช้กิริยาปธานนัยในปกรณ์ต่างๆ สรุปแล้วมี ๓ ลักษณะ คือ
ลักษณะที่ ๑
ตอนแรกประธานของประโยคจะเป็นบุคคลก็ตาม เป็นสิ่งของก็ ตามอยู่รวมกันเป็นหมวดเป็นหมู่ และทำกิริยาอาการร่วมกันเรื่อยมา แต่ตอนหลังประธานเหล่านั้น มีบางส่วนแยกไปทำกิริยาอย่างอื่น กิริยาที่ทำร่วมกันของประธานจึงต้องหยุดลงกระทันหัน ต่อไปก็เป็นกิริยา เฉพาะของประธานที่แยกตัวออกมา
ยกตัวอย่างเช่น แม่นํ้าสายหนึ่งไหลมาจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ผ่าน เกาะแก่งเรื่อยมา ภายหลังมาแยกเป็น ๒ สาย สายหนึ่งไหลไปทาง ทิศได้เรื่อยไป อีกสายหนึ่งแยกไหลไปทางทิศตะวันออก จะเห็นได้ว่า ตอนแรกมาด้วยกัน ตอนหลังจึงแยกกัน กิริยาสุดท้ายแม่นั้าไหลมา ก่อนแยกกันนั้นจัดเป็นกิริยาปธานนัย
ขอให้พิจารณาประโยคต่อไปนื้
- : อุโภปิ (ตาปสา) สาราณียํ กถํ กเกตฺวา, สยนกาเล นารโท เทวลสฺส นิปชฺชนฏฺฐานญฺจ ทฺวารญฺจ สลฺลกฺเขตฺวา นิปชฺชิ ฯ (๑/๓๘)
ในประโยคนี้ กเถตฺวา เป็นกิริยาปธานนัย เพราะเป็นกิริยา สุดท้ายที่ประธาน คือ ตาปสา ทำร่วมกัน ภายหลังประธานส่วนหนึ่ง ข้างต้น คือ นารโท แยกไปทำกิริยาอย่างหนึ่งต่างหาก ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยประธานทั้งหมดข้างต้น
ขอให้ดูประโยคอื่นเทียบเคียง
: สาวตฺถีวาสิโน หิ เทฺว กุลปุตฺตา สหายกา วิหารํ คนฺตฺวา ฯเปฯ สาสเน ธุรํ ปุจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาธุรญฺจ คนฺถธุรญฺจ วิตฺถารโต สุตฺวา, เอโก ตาว อหํ ภนฺเต ฯเปฯ อรหตฺตํ ปาปุณิ ฯ (๑/๑๔๔)
: สรีรํ มชฺเฌ ภิชฺชิตฺวา, เอโก ภาโค โอริมตีเร ปติ, เอโก ปาริมตีเร ฯ (๓/๑๘๗)
: เหฏฺฐาคงคาย จ เทฺว อิตฺถิโย นหายมานา ตํ ภาชนํ อุทเกนา หริยมานํ ทิสฺวา, เอกา อิตฺถี มยฺหเมตํ ภาชนนฺติ อาห ฯ (๘/๑๗๒)
ความจริง ประโยคเหล่านี้อาจแยกเป็น ๒ ประโยค โดยตัด ทอนกิริยาปธานนัยเป็นกิริยาคุมพากย์เสีย เช่นเป็นว่า
: อุโภปิ (ตาปสา) สาราณียํ กถํ กเถสุ, สยนกาเล นารโท ฯเปฯ หรือ
: สรีรํ มชฺเฌ ภิชฺชิ, เอโก ภาโค ฯเปฯ
อย่างนี้ย่อมใช้ได้เช่นกัน แต่ประโยคเนื้อความจะไม่สละสลวย เพราะใจความของประโยคมิได้หยุดลงแค่นั้น ยังดำเนินต่อไปอีก แต่ดำเนินไป เพียงบางส่วนเท่านั้น
ลักษณะที่ ๒
ตอนแรกประธานทำกิริยาอาการร่วมกันมา แล้วแยกกันเหมือน ในลักษณะแรก ส่วนหนึ่งของประธานที่แยกมาไปทำกิริยาอาการอย่าง หนึ่งต่างหาก ไม่เกี่ยวด้วยประธานทั้งหมด แต่เมื่อทำเสร็จแล้วกลับไป ร่วมทำกิริยาอาการกับตัวประธานทั้งหมดในประโยคตามเดิมอีกเช่นนี้ กิริยาที่ทำรวมกันสิ้นสุดลงตอนแรก ไม่จัดเป็นกิริยาปธานนัยเหมือนใน ลักษณะแรก แต่กิริยาปธานนัยในลักษณะนี้ ได้แก่กิริยาตัวสุดท้าย ของตัวประธานที่แยกตัวออกไปทำ เท่ากับเป็นประโยคเล็กๆ แทรกอยู่ ในประโยคใหญ่นั่นเอง
เปรียบเหมือนชายสองคนเดินทางไปด้วยกัน พอถึงกลางทาง ชายคนหนึ่งแวะลงซื้อของข้างทาง แล้วเดินทางร่วมกันต่อไปใหม่ กิริยา ที่ชายคนที่แวะลงทำเป็นสุดท้ายนั่นแหละ จัดเป็นกิริยาปธานนัย
ความจริง น่าจะทอนประโยคให้เล็กลง โดยขึ้นประโยคใหม่ ย่อมทำได้ แต่จะไม่สละสลวย และประโยคจะยับเยินเกินไป ต้องขึ้นประธานใหม่อยู่เรื่อย จึงไม่นิยมทอนประโยค
ตัวอย่าง กิริยาปธานนัยในลักษณะนี้ คือ
: เตปิ เทวโลกโต จวิตฺวา พนธมติยํ เอกสฺมึ กุลเคเห เซฏฺโฐ เชฏฺโฐ ว หุตฺวา กนิฏฺโฐ กนิฏฺโฐ ว หุตฺวา ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ ฯ (๘/๑๖๐)
ลักษณะที่ ๓
ลักษณะกิริยาปธานนัยอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งแปลกจากลักษณะทั้ง สองข้างต้น คือตอนแรกประธานทำกิริยาร่วมกันมา และหยุดลง ตอนหลัง ประธานเหล่านั้นต่างก็แยกไปทำกิริยาของตนต่างหาก แต่ไม่ได้กลับมาทำกิริยาร่วมกัน เหมือนลักษณะที่ ๒ ประโยคสิ้นสุดลงตรง กิริยาของใครของมัน เหมือนในลักษณะที่ ๑ แต่แทนที่กิริยาปธานนัย จะอยู่ตรงกิริยาสุดท้ายก่อนแยกกันเหมือนในลักษณะที่ ๑ กลับเป็นตัว กิริยาสุดท้ายของประธานที่แยกตัวออกมาแต่ละตัวเหมือนในลักษณะที่ ๒
ลักษณะที่ ๓ นี้เป็นที่ตั้งแห่งความฉงนอยู่ พบตัวอย่างมีอยู่ใน เรื่อง อุโปสถกมฺม ภาค ๕ ดังนี้
: วิสาเข อิเมสํ สตฺตานํ ชาติอาทโย นาม ทณฺฑหตฺถโคปาลกสทิสา, ชาติ ชราย สนติกํ เปเสตฺวา, ชรา พยาธิโน สนฺติกํ, ฯเปฯ (๕/๕๔)
เรื่องกิริยาปธานนัยนี้ นักศึกษาพึงทำความเข้าใจให้ดีเป็นพิเศษ เพราะเป็นกิริยาพิเศษมีไม่มากนัก แต่ควรได้ศึกษาให้ถ่องแท้ เพื่ออรรถรส ของภาษา
หากมีความสงสัยว่าจะทราบได้อย่างไรว่า ประโยคไหนเป็นประโยคกิริยาปธานนัย มีหลักสังเกตอยู่ ๒ ประการ คือ
๑. ในวิชาแปลมคธเป็นไทย ให้สังเกตดูการวางรูปประโยคประโยคมักจะสะดุด หยุดลงกระทันหัน และใจความจะเป็นดังกล่าวมา แล้วในลักษณะนั้นๆ
๒.ในวิชาแปลไทยเป็นมคธ ให้สังเกตดูที่การแปลในพากย์ไทย ถ้าแปลไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเครื่องหมาย “ ฯ ” คั่นระหว่าง แต่กลับ มีประธานเพิ่มขึ้นมาใหม่อีก อย่างนี้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ความตอน นั้นน่าจะเป็นประโยคกิริยาปธานนัย ฯ
วิธีเรียงกิริยาวิเสสนะ
บทกิริยาวิเสสนะ คือ ศัพท์ที่ทำหน้าที่ขยายบทกิริยาโดยตรง เหมือนคุณศัพท์ขยายนาม ฉะนั้นกิริยาวิเสสนะนี้จะต้องมีรูปเป็นทุติยาวิภัตติ เอกวจนะเท่านั้น เป็นวิภัตติและวจนะอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเป็นอัพยยศพท์ ซึ่งแจกไม่ได้ ก็ให้คงรูปเดิมไว้ เช่น ตถา เอวํ เป็นต้น
บทกิริยาวิเสสนะ มีวิธีเรียง ดังนี้
๑. กิริยาวิเสสนะของกิริยาที่เป็นอกัมมธาตุ คือ กิริยาที่ไม่มีบท อวุตฺตกมฺม อยู่ด้วย ให้เรียงไว้ข้างหน้าชิดกิริยา เช่น
- : ธมุมจารี สุขํ เสติ ฯ
- : เกน นุ โข อุปาเยน สพฺเพ สพฺรหฺมจารี ผาสุํ วิหเรยฺยุํ ฯ
๒. กิริยาวิเสสนะของกิริยาสกัมมธาตุ มีบทอวุตฺตกมฺมอยู่ด้วย จะเรียงไว้หน้า หรือหลังบทอวุตฺตกมุม ก็ได้ เช่น
เรียงหน้า : เอวํ จิกฺขลมคฺเคน คจฺฉนฺโต วิย ทนฺธํ ปุญฺญํ กโรติ ฯ (๕/๔)
เรียงหลัง : สาสนํ เม ขิปฺปํ เทหิ ฯ
แต่เพื่อเคารพกฎที่ว่า บทอวุตฺตกมุม ควรเรียงไว้ชิดกิริยา จึง นิยมเรียงบทกิริยาวิเสสนะ ไว้หน้าบทอวุตฺตกมุม มากกว่า
๓. กิริยาวิเสสนะที่คลุมตลอดทั้งประโยค นิยมเรียงไว้ต้นประโยค เช่น
: เอวํ พาลปุคฺคโล โถกํ โถกมฺปิ ปาปํ อาจินนฺโต วฑฺเฒนฺโต ปาปสฺส ปูรติเยว ฯ (๕/๑๕)
วิธีเรียงประโยค สกฺกา
สกฺกา เป็นศัพท์พิเศษ ทำหน้าที่คุมพากย์ได้ เรียกว่า ประโยค สกฺกา เป็นได้ทั้ง กมฺมวาจก และภาววาจก แล้วแต่ความจะบ่ง และ มักมี ตุํ ปัจจัยรวมอยู่ในประโยคด้วย ประโยคสกฺกา มีวิธีเรียง ดังนี้
๑. เรียง สกฺกา ไว้หน้า ตุํ ปัจจัย เช่น : น สกฺกา กาตุํ ฯ
: น สกฺกา เอเตน สทฺธึ เอกโต ภวิตุํ ฯ (๑/๑๒๙)
แบบนี้เป็นแบบที่นิยมใช้มากที่สุดกว่าทุกๆ แบบ
๒. เรียง สกฺกา ไว้หลัง ตุํ ปัจจัย เช่น
: ปาลิเลยยฺก อิโต ปฏฺฐาย ตยา คนฺตุํ น สกฺกา ฯ (๑/๕๔)
: เอวํ เปเสตุํ น สกฺกา ฯ (๑/๑๓)
๓. บทอนภิหิตกตฺตา นิยมเรียงไว้หน้า ตุํ ปัจจัย ดังตัวอย่างข้างต้น
๔. บทประธานในประโยค กมฺมวาจก นิยมเรียงไว้หน้า สกฺกา เช่น
: พุทฺธา จ นาม น สกฺกา สเฐน อาราเธตุํ ฯ (๑/๘)
: สมณธมฺโม นาม สรีเร ยาเปนฺเต สกฺกา กาตุํ ฯ (๑/๙)
ที่เรียงไว้หลังก็มีบ้าง เช่น
: น สกฺกา โส อคารมชฺเฌ ปูเรตุํฯ (๑/๑๓)
๕. สกฺกา ถ้ามีกิริยาว่ามี ว่าเป็นคุมพากย์อยู่ ก็ทำหน้าที่เป็น วิกติกตฺตา เข้ากับกิริยานั้น เช่น
: โลกุตฺตรธมฺโม นาม น สกฺกา โหติ เถเนตฺวา คณฺหิตุํ ฯ
๖. สกฺกา ทำหน้าที่เป็นบทประธานในประโยคได้บ้าง เช่น
: ตตฺถ นํ อาคตํ คเหตุํ สกฺกา ภวิสฺสติ ฯ (๒/๓๒)
อ้างอิง
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙,ราชบัณฑิต). คู่มือ วิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.๔-๙ วิชาแต่งไทยเป็นมคธ ป.ธ.๙. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ : บริษัท ฟองทองเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด, ๒๕๔๔.