วสันตดิลกฉันท์ ครูแปลว่า "ฉันท์มีคณะเหมือนเมฆที่มืดมนในเดือน ๕ เดือน ๖ อันเป็นส่วนของฤดูฝน" ฉันท์นี้เป็นจตุททสักขรฉันท์ บาทหนึ่งมี ๑๔ อักษร (๑๔ คำ) ยติ ๘-๖ กำหนดใช้ลงคณะ ๔ คณะคือ ต, ภ, ช, ช และมีครุลอย ๒ อักษรสุดท้าย เช่นเดียวกับอินทรวิเชียร
วสันตดิลกฉันท์มีส่วนคล้ายกับอินทรวิเชียรฉันท์ คือ ๓ คำแรก เป็น ต คณะ (อินฺทาทิ...) และ ๖ คำหลัง (ยติสุดท้าย) เป็น ช คณะและครุลอย ๒ (ว ชิ รา ช คา โค) เหมือนกัน ดังนั้น ครุลอย ตัวสุดท้ายบาทจึงสามารถใช้ลหุแทน เป็นปาทันตครุได้เช่นกัน
วุตฺตา วสนฺตติลกา ต ภ ชา ช คา โค |
เอโส นิรุตฺติกุสโล กุสโล จ พนฺเธ |
เสฏฺโฐ มหากวิ มหากวินํ สรฏฺเฐ |
วณฺณาภิเปมหทโย สทโย กวีสุ |
อคฺคํ พหุํ อิธ ปพนฺธิ ปพนฺธวตฺถุํ |
เย เต ปพนฺธกุสลา กวโย สุพุทฺธี |
เต วลฺลภาสฺสติปิยา จ วิเสสโต ว ฯ |
(ฉันท์เฉลิมพระเกียรติ ฯ ร.๒) |
วสันตดิลกฉันท์ถือว่า เป็นฉันท์ชั้นสุดยอดในบรรดาฉันท์ทั้งหมดที่แสดงมาข้างต้น เป็นที่นิยมกันมากในคัมภีร์ต่างๆ กวีทั้งหลายมักจะแต่งฉันท์ชนิดนี้เพื่อเป็นการ "อวดฝีมือ" ของตน หากฝีมือถึงเช่นที่อวดแล้ว บทประพันธ์นั้นย่อมเป็นอมตะ และเป็นแบบอย่างแกกวีรุ่นหลังได้ เช่น บทถวายพรพระ พาหุํ ฯ นั้น ถือว่าเป็นยอดของวสันตดิลกฉันท์ทีเดียว หรืออย่างเช่น คำฉันท์เทอดพระเกียรติ ร.๒ ซึ่งนำมาเป็นตัวอย่างข้างต้น ก็มี "ลูกเล่น" อยู่ในคาถาแรก คือเล่นคำซ้ำในแต่ละบาท ได้แก่คำว่า กุสโล-กุสโล, มหากวิ มหากวินํ, หทโย-สทโย, ปพนฺธิ-ปพนฺธ ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงฝึมือแล้ว ยังเป็นการแสดงอารมณ์กวีที่ต้องการ "พลิกแพลงเล่น" ด้วย ดังเช่นบทกวีไทยในสมัยเก่าที่ว่า
โอเจ็บใจใจจริงทุกสิ่งหนอ | |
ไม่เห็นรักรักเราเฝ้ารักรอ | ทนแต่ก่อก่อเข็ญเป็นนิจกาล |
ที่หวังใจใจจริงทุกสิ่งสิ้น | ไม่ล้อลิ้นลิ้นลมคารมหวาน |
ทุกวันทุกข์ทุกข์เหลือล้นจะทนทาน | ควรฤารานรานร้าวข่าวรวนเร |
โอ้อกนี้จะยับด้วยอับเฉา | เพราะรักเขาเขาไม่รักชักหันเห |
เห็นแลสุดสุดร่ำคน้ำคะเน | จะถ่ายเทเททุบายให้หาแคลง |
ฯลฯ | |
(ประชุมจารึกวัดโพธิ์) |
ที่มา "หลักการแต่งฉันท์ภาษามคธ" พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙)
ที่อยู่ : 23/2 หมู่ 7 โรงเรียนพระปริยัติธรรม
วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
dummy 02-831-1000 ต่อ 13710