การล้มประโยคโดยวิธีย่อประโยคหลายๆ ประโยค ให้เป็น ประโยคเดียวกันคือ วิธีตัด ย. ต. ออกก็ดี โดยวิธีขยายประโยคยาวๆ ให้เป็น ๒ ประโยค คือ เพิ่ม ย. ต. เข้ามา ก็ดี เหล่านี้มีกระบวนวิธีทำ สลับซับซ้อนมากมาย ไม่อาจชี้แจงให้หมดสิ้นได้ จึงจะแสดงเฉพาะที่เห็นง่ายๆ และทำได้ไม่ยากนักดังนี้
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าประโยค ย ต นั้น เรียกเป็นภาษาไวยากรณ์ ว่าสังกรประโยค ในประโยค ย ต นั้น ประโยค ย ถือว่าเป็นประโยคขยายประโยค ต อีกทีหนึ่ง อาจขยายบทประธานในประโยค ต ก็ได้ หรือขยายบทกิริยา บทวิเสสนะ เป็นต้นก็ได้ ขอให้ดูตัวอย่าง
ขยายบทประธาน :
โย ทุกขา มุจฺจิตุกาโม , โส มยา สทฺธึ อาคจฺฉตุ ฯ (๑/๑๓๒)
ขยายบทกิริยาวิเสสนะ :
ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว เม จตฺตาโร ปจฺจเย อธิวาเสถ ฯ (๑/๙๑)
ขยายบทกิริยาวิเสสนะ (อุปมา) :
ยเถว ตุมฺเห ตํ น ปสฺสถ, ตถา โสปิ เต ปาเณ น ปสฺสติ ฯ (๑/๑๙)
ขยายบทกรรม :
ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรตุ ฯ (๑/๑๓๖)
เมื่อเข้าใจว่าประโยค ย คือ ประโยคขยายบทต่างๆ ในประโยค ต ดังนี้แล้ว เวลาล้มประโยคทั้ง ๒ เข้าด้วยกัน เนื้อความในประโยค ย ทั้งหมดจะมีลักษณะเป็นบทขยายบทต่างๆ ในประโยค ต ทันที ขอ ให้ดูวิธีการดังต่อไปนี้
(๑) ตัด ย ต ออกให้หมดทุกครั้ง เหลือนอกนั้นให้คงไว้ซึ่งในบาง กรณี เพียงแค่นี้ก็สำเร็จประโยชน์แล้ว เช่น
| 
 ความไทย  | 
 : ผู้ต้องการพ้นทุกข์จงมากับเรา  | 
| 
 เดิม  | 
 = โย ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, โส มยา สทฺธึ อาคจฺฉตุ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม มยา สทฺธึ อาคจฺฉตุ ฯ  | 
| 
 ความไทย  | 
 : สิ่งของของพ่อแม่ย่อมเป็นของลูกทุกคน  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยานิ มาตาปิตูนํ วตฺถูนิ, ตานิ สพฺเพสํ ปุตฺตานํ สนฺตกานิ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = มาตาปิตูนํ วตฺถูนิ สพฺเพสํ ปุตฺตานํ สนฺตกานิ ฯ  | 
(๒) ถ้าประโยค ย มีกิริยาคุมพากย์อยู่ ให้เปลี่ยนกิริยานั้นเป็น กิริยาซึ่งเป็นบทวิเสสนะของ ต หรือ เป็นอัพภันตรกิริยา โดยประกอบ เป็นกิริยากิตก์ด้วย ต อนฺต มาน ปัจจัย ตัวใดตัวหนึ่ง ตามกาลเดิม ของกิริยาคุมพากย์ ซึ่งเปลี่ยนมานั้น ส่วนรูปวาจกจะเป็นอย่างไรก็ แล้วแต่เนื้อความเดิม เช่น
| 
 ความไทย  | 
 : ผู้คบพวกคนพาล ย่อมจะถึงความพินาศ  | 
| 
 เดิม  | 
 = โย ปุคฺคโล พาเล เสวติ, โส วินาสํ ปาปุณาติ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = ปุคฺคโล พาเล เสวนฺโต วินาสํ ปาปุณาติ ฯ  | 
| 
 หรือ  | 
 = พาเล เสวมาโน ปุคฺคโล วินาสํ ปาปุณาติ ฯ  | 
| 
 ความไทย  | 
 : เหตุการณ์ ที่ข้าพเจ้าคิดไว้แล้วครั้งนั้น เป็นจริงขึ้นแล้ว ในบัดนี้  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยํ ตทา จินฺเตสึ, ตํ การณํ อิทานิ ตถา ชาตํ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = ตทา จินฺติตํ การณํ อิทานิ ตถา ชาตํ ฯ  | 
(๓) ถ้าในประโยค ย มีบทขยาย ย มาก เมื่อลบ ย ต แล้ว ศัพท์วิเสสนะต่างๆ อาจเรียงไม่ถูกที่ถูกทางหลักการเรียง ก็ให้จับเรียงเสียใหม่ให้ถูกที่ได้ เช่น
| 
 ความไทย  | 
 : พ่อ ทรัพย์สินที่มือยูในสกุลนี้ นั้งสวิญญาณกทรัพย์ ทั้งอวิญญาณกทรัพย์ จงเป็นภาระของ พ่อทั้งหมด  | 
| 
 เดิม  | 
 = ตาต ยํ อิมสมึ กุเล สวิญฺญาณกาวิญฺญาณกํ ธนํ กิญฺจิ อตฺถิ, สพพนฺตํ ตว ภาโร ฯ (๑/๖)  | 
| 
 เป็น  | 
 = สพฺพํ อิมสมึ กุเล วิชฺชมานํ ฯเปฯ ธนํ ตว ภาโร ฯ (๑/๖)  | 
(๑) ตัด ยถา ตถา หรือ เอวํ ออกเสียทั้งหมด แต่ให้ใส่ วิย เข้ามาแทน ยถา
(๒) ถ้ากิริยาคุมพากย์ ในประโยค ยถา ซํ้ากับกิริยาในประโยคหลัง ก็ให้ตัดออกเสีย ถ้าไม่ซํ้ากัน ต้องแปลงกิริยานั้นเป็นรูป อนฺต มาน ปัจจัย แล้วแต่วาจกเดิม
(๓) ข้อความในประโยค ยถา เดิม นิยมให้อยู่ในวงของ วิย ทั้งหมด
ดูตัวอย่างประกอบ
| 
 ความไทย  | 
 : แม้พระเถระนั้นก็ไม่เห็นสัตว์มีปราณเหล่านั้น เหมือนพวก เธอไม่เห็นพระเถระนั้นนั่นแหละ  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยเถว ตุมฺเห ตํ น ปสฺสถ, ตถา โสปิ เต ปาเณ น ปสฺสติ ฯ (๑/๑๙)  | 
| 
 เป็น  | 
 = ตุมฺเห ตํ วิย โสปิ เต ปาเณ น ปสฺสติ ฯ  | 
| 
 หรือ  | 
 = ตุมฺหากํ ตสฺส อปสฺสนํ วิย โสปิ เต ปาเณ น ปสฺสติ ฯ (๑/๑๙)  | 
| 
 ความไทย  | 
 : ภิกษุผู้เป็นบัณฑิตพึงเว้นบาปทั้งหลาย แม้มีประมาณน้อยเสีย เหมือนผู้ต้องการเป็นอยู่ เว้นยาพิษอันร้ายแรง ฉะนั้น  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยถา ชีวิตุกาโม หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, เอวํ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อปฺปมตฺตานิปิ ปาปานิ ปริวชฺเชยฺย ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = ชีวิตุกาโม หลาหลํ วิสํ วิย ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อปฺปมตฺตานิปิ ปาปานิ ปริวชฺเชยฺย ฯ  | 
(๑) ตัด ตาว ออก ให้เหลือแต่ ยาว ในประโยคหน้า
(๒) แปลงกิริยาคุมพากย่ในประโยค ยาว เป็นกิริยานาม และ ประกอบด้วย ปัญจมีวิภัตดิ ลงท้ายด้วย อา เพื่อรับกับ ยาว
(๓) แปลงบทประธานในประโยค ยาว ให้เป็นฉัฏฐีวิภัตติ
(๔) บทประธานในประโยค ตาว จะย้ายไปไว้หน้า ยาว ก็ได้ ทั้งนี้ ให้ดูรูปประโยคเป็นเกณฑ์
ตัวอย่างเช่น
| 
 ความไทย  | 
 : ขอพระองค์ทรงรับปัจจัยลี่ของข้าพระองค์ ตราบเท่าที่ข้าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว เม จตฺตาโร ปจฺจเย อธิวาเสถ ฯ (๑/๙๑)  | 
| 
 เป็น  | 
 = ยาว มยฺหํ ชีวนา เม จตฺตาโร ปจฺจเย อธิวาเสถ ฯ  | 
| 
 ความไทย  | 
 : เทพยดาทั้งหลาย ก็ส่งขนมทิพยใปให้แก่พระกุมารนั้น ตลอดเวลาที่พระกุมาร ยังอยู่ท่ามกลางเรือน  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยาว อคารมชฺเฌ วสิ, ตาวสฺส เทาตา ทิพฺพปูเว ปหิณึสุ ฯ (๑/๑๒๖)  | 
| 
 เป็น  | 
 = ยาว อคารมชฺเฌ วสนาสฺส เทาตา ทิพฺพปูเว ปหิณึสุ ฯ  | 
| 
 หรือ  | 
 = ยาวสฺส อคารมชฺเฌ วสนา เทาตา ทิพฺพปูเว ปหิณึสุ ฯ  | 
บทขยายกิริยาในที่นี้ ได้แก่ บทที่สัมพันธ์เข้ากับกิริยา เช่น บทตติยาวิภัตดิ ปัญจมีวิภัตดิ เป็นต้น บทขยายนาม คือ บทที่สัมพันธ์เข้ากับนาม เช่น บทฉัฏฐีวิภัตดิ เป็นต้น บทเหล่านี้ ถ้ามีประโยค ย ขยาย และต้องการล้มประโยค ย นั้นเสีย พึงทำดังนี้
(๑) ตัด ย ตที่รับกันออกเสีย เหลือไว้แต่รูปปัจจัย หรือวิภัตดิใน ประโยค ต เท่านั้น
(๒) ให้เอาบทประธานในประโยค ย มาสมาสกับกิริยาเดิมของตน โดยให้วางกิริยาไว้ข้างหน้า แล้วนำบทสมาสนั้นมาประกอบกับปัจจัย หรือวิภัตติที่เหลือไว้ในประโยค ต
(๓) บทประธานในประโยค ต จะย้ายไปไว้ต้นประโยคบ้างก็ได้ ดูที่ความสละสลวยของประโยค
ตัวอย่างเช่น
| 
 ความไทย  | 
 : ทานนี้ มีผลมากกว่า ทานที่ท่านถวาย ด้วยการบริจาคทรัพย์โกฏิหนึ่ง  | 
| 
 เดิม  | 
 = อิทํ ทานํ, ยํ ตยา โกฏิธนปริจฺจาเคน ทินฺนํ, ตโต มหปฺผลตรํ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = อิทํ ทานํ ตยา โกฏิธนปริจฺจาเคน ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ ฯ  | 
| 
 ความไทย  | 
 : พระเจ้าข้า ด้วยผลแห่งสักการะที่ข้าพระองค์ กั้นร่มดอกไม้ตลอดเจ็ดวัน กระทำแล้วนี้ ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาความเป็นท้าวสักกะ หรือ ความเป็นพรหมอย่างอื่น (สนามหลวง ป.๔/๒๕๑๖)  | 
| 
 เดิม  | 
 = ภนฺเต ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺเตน สกฺกาโร กโต, อหํ อิมสฺส ผเลน อญฺญํ สกฺกตฺตํ วา พรหฺมตฺตํ วา น ปตฺเถมิ ฯ (๑/๑๐๑)  | 
| 
 เป็น  | 
 = อหํ ภนฺเต อิมสฺส มยา สตฺตาหํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺเตน กตสกฺการสฺส ผเลน ฯเปฯ น ปตฺเถมิ ฯ  | 
| 
 หรือ  | 
 = อหํ ภนฺเต อิมสฺส มยา สตฺตาหํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺเตน กตสฺส สกฺการสฺส ผเลน ฯเปฯ น ปตฺเถมิ ฯ  | 
(๑) ตัด ยสฺมา ตสฺมา ออก แล้วใส่ปัจจัยในภาวตัทธิต คือ ตฺต ตา หรือ ภาว ศัพท์ หรือ โต ปัจจัยแทน โดยมีรูปเป็น ตฺตา ตาย ภาเวน โต
(๒) กิริยาคุมพากยในประโยค ย ถ้าเป็นกิริยาอาขยาต ให้แปลง เป็นกิริยากิตก์ รักษากาลไว้ แต่วาจกต้องเปลี่ยนเป็นกัมมวาจก (เว้นไว้แต่ประโยค ย เป็นอกัมมธาตุ) แล้วนำมาประกอบกับ ตฺตา ตาย ภาเวน หรือ โต ตัวใดตัวหนึ่ง
(๓) ถ้าประโยค ย เป็นกัตตุวาจก บทประธานจะต้องเปลี่ยนเป็น ตติยาวิภัตติ บทกรรมต้องเปลี่ยนเป็นฉัฏฐีวิภัตติ ถ้าเป็นประโยคกัมมวาจก บทประธานต้องเปลี่ยนเป็นฉัฏฐีวิภัตติ
ดูตัวอย่าง
| 
 ความไทย  | 
 : เพราะเขาจะทำกรรมนั้น ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงห้ามเขาไว้  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยสฺมา โส ตํ กมฺมํ กเรยฺย ตสฺมา ตํ นิวาเรสิ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = เตน ตสฺส กมฺมสฺส กตฺตพฺพตฺตา (กตฺตพฺพภาเวน) ตํ นิวาเรสิ ฯ  | 
| 
 ความไทย  | 
 : เพราะบัดนี้ ภิกษุนั้นบังเกิดที่ดุสิตวิมานแล้ว ดังนั้นเรา จึงอนุญาตให้พวกเธอถือเอาจีวรได้  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยสฺมา ปเนโส อิทานิ ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺโต, ตสฺมา มยา ตุมฺหากํ จีวรคฺคหณํ อนุญฺญาตํ ฯ (๗/๑๐)  | 
| 
 เป็น  | 
 = อิทานิ ปนสฺส ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺตตฺตา (นิพฺพตฺตตาย), มยา ตุมฺหากํ จีวรคฺคหณํ อนุญฺญาตํ ฯ  | 
(๑) ตัด ยทา ตทา ออก ใส่คำว่า กาเล เข้ามาแทน
(๒) กิริยาคุมพากย์ในประโยค ยทา ถ้าเป็นกิริยาอาขยาต ให้ เปลี่ยนเป็นกิริยากิตก์ ประกอบด้วย ต มาน ปัจจัย ตามเนื้อความว่า เป็นอดีต หรือปัจจุบัน ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ ให้เปลี่ยนเป็นกิริยานาม ดังกล่าวมาแล้วในต้นๆ (เรื่อง ยสฺมา-ตสฺมา) แล้วนำมาสมาสกับ คำว่า กาเส
(๓) ถ้าในประโยค ยทา เป็นประโยคมีวิกติกัตตา ให้ตัดกิริยาคุมพากย์ ว่ามี ว่าเป็น ออก แล้วนำบทวิกติกัตตานั้นสมาสกับคำว่า กาเล แทน กิริยา
(๔) บทประธานในประโยค ยทา ต้องประกอบเป็นฉัฏฐีวิภัตติ
ดูตัวอย่างประกอบ
| 
 ความไทย  | 
 : ในเวลาที่ครรภ์ ตั้งขึ้น ในท้องของเธอ เธอพึงบอกฉัน (ป.๔/๒๕๐๖)  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยทา เต กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺฐาติ, ตทา เม อาโรเจยฺยาสิ ฯ (๑/๔๓)  | 
| 
 เป็น  | 
 = ตว (ไมใช่ เต) กุจฺฉิยํ คพฺภสฺส ปติฏฺฐมานกาเล มยฺหํ อาโรเจยฺยาสิ ฯ  | 
| 
 ความไทย  | 
 : คราวเมื่อทุพภิกขภัย เกิดขึ้น ในเมืองเวสาลี พวกภิกษุ เป็นอยู่กันด้วยความลำบาก  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยทา เวสาลิยํ ทุพฺภิกฺขภยํ อุปฺปชฺชิ, ตทา ภิกฺขู กิจฺเฉน ชีวึสุ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = เวสาลิยํ ทุพฺภิกฺขภยสิส อุปฺปนฺนกาเล ภิกฺขู กิจฺเฉน ชีวึสุ ฯ  | 
| 
 ความไทย  | 
 : บิดามารดาของพระเถระ สิ้นชีวิตเสียแต่เวลาที่ พระเถระยังเด็ก  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยทา เถโร กุมารโก, ตทา ตสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = เถรสฺส กุมารกกาเล มาตาปิตโร กาลมกํสุ ฯ  | 
(๑) ตัด ย ต ออก
(๒) กิริยาคุมพากย์ ในประโยค ย ให้ประกอบเป็นรูปกัมมวาจก ต มาน ปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามเนื้อความว่าเป็นอดีตหรือปัจจุบัน
(๓) บทประธานในประโยค ย ที่เป็นกัตตุวาจก ให้ประกอบเป็น ตติยาวิภัตดิ
ดูตัวอย่างประกอบ
| 
 ความไทย  | 
 : เขาจงทำสิ่งที่เขาปรารถนาเถิด  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรตุ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = อิจฺฉิยมานํ กโรตุ ฯ  | 
| 
 ความไทย  | 
 : เธอจงกล่าวคำที่เรากล่าว  | 
| 
 เดิม  | 
 = ยมหํ วทามิ , ตํ วเทหิ ฯ  | 
| 
 เป็น  | 
 = มยา วุจฺจมานํ วเทหิ ฯ  | 
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙,ราชบัณฑิต). คู่มือ วิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.๔-๙ วิชาแต่งไทยเป็นมคธ ป.ธ.๙. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ : บริษัท ฟองทองเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด, ๒๕๔๔.
ที่อยู่ : 23/2 หมู่ 7 โรงเรียนพระปริยัติธรรม 
วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
dummy 02-831-1000 ต่อ 13710