"ฉันท์" เป็นวิชาใหม่ซึ่งทางสนามหลวงกำหนดเป็นหลักสูตรสำหรับชั้นประโยค ป.ธ.๘ เป็นวิชาที่อาจกล่าวได้ว่าเป็น "สุดยอด" ของกระบวนวิชาภาษาบาลีทั้งหมด เป็นวิชาที่รวบรวมความรู้ด้านต่างๆ ในภาษาบาลีมาประมวลให้เป็นบทกวีที่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับค่อนข้างตายตัว สามารถนำไปสาธยายเป็นทำนองเสนาะหรือที่เรียกว่า "สวดเป็นทำนองสรภัญญะ" ได้ เป็นวิชาเดียวที่บ่งบอกว่า ผู้ใดจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในภาษาบาลีอย่างแท้จริง
เพาะผู้ที่สามารถแต่งฉันท์ได้ดีนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในกระบวนวิชาภาษาบาลีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านไวยากรณ์ ด้านวิธีเรียงศัพท์ วิธีใช้ศัพท์ รวมไปจนกระทั่งถึงต้องมีลีลาในการนำถ้อยคำต่างๆ มาเรียบเรียงให้เป็นหมวดเป็นหมู่ถูกที่ถูกทางตามกฎเกณฑ์ที่บังคับไว้ เหมือนการแต่งโคลงกลอนในภาษาไทยซึ่งบังคับเสียงและบังคับสัมผัสเป็นต้น
ผู้แต่งฉันท์นั้น หาจำแนกตามความชำนาญแล้วก็ได้เป็น ๒ ประเภทคือ ประเภทแต่งได้ กับประเภทแต่งเป็น
ได้แก่ พอแต่งให้ถูกหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้ พอรักษารูปลักษณะของฉันท์ไว้ได้พอมีท่วงทีให้รู้ว่ามีความสามารถในเชิงกวีอยู่บ้าง ไม่ถึงกับเชี่ยวชาญชำนาญนัก ฉันท์ที่แต่งออกมาไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไร ไปได้ทื่อๆ เต็มไปด้วยปทปูรณะ วางศัพท์เปะปะไปหมด ผู้แต่งฉันท์อย่างนี้อยู่ในประเภทแต่งได้
ได้แก่ แต่งได้ที่เรียกว่า "ถึงขนาด" นอกจากถูกหลักถูกเกณฑ์แล้ว ยังมีลีลาในการใช้ศัพท์ในการวางศัพท์ มีอุปมาอุปไมยในที่ที่ควรวางอุปมาอุปไมยไว้ ศัพท์ทุกศัพท์ที่ใช้มีความหมายมีความอิ่มตัวอยู่ในตัว มีความชัดเจน มองเห็นภาพพจน์ได้ ทั้งดูแล้วอ่านแล้วมีรสชาติ มึความซับซ้อนซ่อนคมอยู่ในตัว แต่ก็ไม่ผิดหลักเกณฑ์ ดังเช่นคาถาบท พาหุํ ในคำถวายพรพระ ฉันท์เช่นนี้จัดว่าถึงขนาด ผู้แต่ได้เช่นนี้ จัดอยู่ในประเภท "แต่งเป็น"
ผู้ศึกษาที่จะต้องแต่งฉันท์นั้น จะต้องมีความรู้ในกระบวนวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาษาบาลี ดังที่ท่านกำหนดไว้เป็นคาถาในคัมภีร์สุโพธาลังการ ว่า
โย สทฺทสตฺถกุสโล กุสโล นิฆณฺฑุจฺ-
ฉนฺโทอลงฺกติสุ นิจฺจกตาภิโยโค
โสยํ กวิตฺตวิกโลปิ กวีสุ สงฺขฺยํ
โยคยฺห วินฺทติ หิ กิตฺติมมนฺทรูปํ ฯ
บุคคลใด เป็นผู้เชี่ยวชาญในศัพทศาสตร์ ฉลาดในนิฆัณฑุศาสตร์ ฉันทศาสตร์ และอลังการศาสตร์ ได้ทำการฝึกฝนมิได้ขาด บุคคลนี้นั้นถึงจะบกพร่องจากคุณเครื่องความเป็นกวีไปบ้าง ก็จะหยั่งลงสู่ความนับ (เนื่อง) ในหมู่กวี ประสบเกียรติคุณได้ไม่น้อยเลย ฯ
ถือเอาความได้ว่า ผู้ที่เป็นนักกวีได้นั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในคัมภีร์ ๔ อย่างคือ
ผู้เชี่ยวชาญในคัมภีร์เหล่านี้ แม้จะไม่มีอุปนิสัยในเชิงกวีมาก่อน หากอาศัยการฝึกฝน หมั่นขีด หมั่นเขียน หมั่นดู หมั่นทำบ่อยๆ โดยไม่ขาดตอน (นิจฺจกตาภิโยโค) ย่อมจะได้รับความสำเร็จในการแต่งฉันท์ ได้เช่นกัน และจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นกวีประเภท "แต่งเป็น" มีชื่อเสียงเกียรติคุณในทางนี้ โดยไม่ยากและไม่ช้านักเลย
การที่จะชี้จะแจงให้นักศึกษาสามารถแต่งฉันท์ได้จนถึงขนาดแต่งเป็นนั้น ย่อมเป็นการยากยิ่ง เพราะขึ้นชื่อว่าฉันท์แล้วย่อมเป็นเรื่องยากแทบทั้งสิ้น เขียนก็ยาก อธิบายก็ยาก ทำความเข้าใจก็ยากสมกับเป็นวิชา "สุดยอด" ของภาษาบาลีจริงๆ ดังนั้น ในบทนี้จึงจักแสดงหลักเกณฑ์ วิธีการ รวมทั้งความรู้ในแง่มุมต่างๆ ในการแต่งฉันท์เท่าที่พอจะสามรถแสดงได้เท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์หรือละเอียดเสียทีเดียว แสดงพอเป็นแนวศึกษาพอที่จะได้ "แต่งฉันท์เป็น" กะเขาบ้าง ส่วนรายละเอียดและความช่ำชองชำนาญ ผู้ศึกษาพึงค้นคว้าหาเพิ่มเติมเองจากคัมภีร์นั้นๆ และย่อมพบได้จากการฝึกฝนด้วยตนเองและจากฉันท์ประเภทต่างๆ ที่นักกวีทั้งหลายแต่งไว้ในปกรณ์นั้นๆ แล้ว.
ที่มา "หลักการแต่งฉันท์ภาษามคธ" พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙)
ที่อยู่ : 23/2 หมู่ 7 โรงเรียนพระปริยัติธรรม
วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
dummy 02-831-1000 ต่อ 13710