๑. พึงดูหนังสือให้เสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่ต้นปีการศึกษา และดูให้หมดดูให้ละเอียด
ทุก ๆ บรรทัด ทุกเรื่องและทุกเล่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยากเรื่องง่าย ไม่ควรประมาทว่าเรื่องนี้
ตอนนี้ง่าย จะไม่ต้องดูก็ได้ เพราะปรากฏว่ามีผู้สอบตก เพราะข้อสอบง่ายๆ มามากแล้ว .
๒. พึงฝึกฝนทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ พึงเขียนบ่อย ๆ จะได้เคยชิน หากศึกษาวิชาแปลไทยเป็นมคธเอง
พึงหัดเรียนจากภาษาไทยที่เขา แปลไว้แล้ว เช่น "เผด็จ" เป็นต้น ไม่ควรดูแต่ภาษาบาลีอย่างเดียว .
๓. พึงมีความมั่นใจในการสอบทุกครั้งว่า การสอบครั้งนี้แม้จะ เป็นครั้งแรก ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงไปได้
เพราะศึกษามาดีแล้ว ครู อาจารย์ได้ฝึกฝนอบรมมาดีแล้ว หรือหากเรียนด้วยตนเอง ก็ให้คิดว่า
ได้ฝึกมาจนช่ำชองแล้วเช่นกัน อย่าคิดว่ายากจนเกินไป เพราะถ้ายาก เกินไปจริงแล้ว ก็คงไม่มีผู้สอบได้เลย .
๔. ก่อนสอบสักประมาณ ๑ อาทิตย์ พึงรักษาสุขภาพให้ดี ไม่พึงวิตกกังวลต่างๆ ไม่พึงสมบุกสมบันโหมดู
หนังสือหนักจนเกินไป พึงบำรุงร่างกายให้ดี ท้องอย่าให้ผูก ยิ่งถ่ายยาสักอาทิตย์ก่อนสอบยิ่งดี .
๕. ก่อนสอบสักวันสองวัน อาจหยุดดูหนังสือทั้งหมดเลยก็ได้ เพื่อพักผ่อนสมองให้เต็มที่
หรือจะดูก็ดูเพียงให้ผ่าน ๆ ตาเท่านั้น ไม่ควรดูเพ่งเล็งเอาจริงเอาจังจนเกินไป เพราะสมองจะรับไม่ไหว ทำให้ปวดศีรษะได้.
๖. เตรียมอุปกรณ์การสอบให้พร้อม คือ ปากกาสีดำ หรือสีน้ำ เงิน ๒ ด้าม ไม้บรรทัด ยางลบ กระดาษฟุลสแก็บ
โดยเฉพาะ กระดาษนั้น ควรเลือกชนิดดี หนา ขาว สะอาด ทดลองเขียนดูเสีย ก่อนว่าจะไม่ซึม .
๗. ฉันภัตตาหาร อย่าให้มากหรือน้อยนัก ขนาดพออิ่มเป็น ใช้ได้ เพราะถ้าอิ่มนักจะทำให้อึดอัด
และเสียพลังย่อยมาก ทำให้เพลียง่าย ถ้าน้อยนักก็จะทำให้เพลีย หมดแรงถึงเป็นลมได้ .
๘. ไปถึงสนามสอบก่อนเวลา อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เพื่อเตรียม ตัวเตรียมใจ มิให้ตื่นเต้น และไม่รีบร้อนจนเกินไป .
๙. ก่อนเข้าห้องสอบ ควรได้สวดมนต์ไหว้พระ และฟังโอวาท ด้วยความเต็มใจ
และด้วยความเคารพร่วมกับผู้สอบอื่นๆ เพราะการ ตั้งใจทำความดีแต่ต้น จะส่งผลดีตามมาภายหลัง .
๑๐. รับหัวกระดาษเลขที่นั่ง แล้วเข้าห้องสอบด้วยอาการอัน เคารพ สำรวม นุ่งห่มเรียบร้อย
ไม่ส่งเสียงเอะอะโวยวาย หรือทำ สิ่งเสียสมณสารูปในห้องสอบ .
๑๑. ควรตั้งสติให้มั่นคงขณะรอรับปัญหา อย่าคิดว่าขณะนั้น กำลังจะเข้าสู่ศึกสงคราม เพื่อเอาแพ้เอาชนะกัน
จนถึงกระสับกระส่าย เหงื่อกาฬแตก หรือปวดเบากระทันหัน ทรมานทั้งกายทั้งใจ