เราทุกคนรู้ว่าความเร็วเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จของเว็บไซต์ แต่ทำไม?

เว็บไซต์ที่รวดเร็วขึ้นจะช่วยปรับปรุงอัตราการแปลงลดต้นทุนแบนด์วิธเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณในเครื่องมือค้นหา ( Google , Yahooฯลฯ ) ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานและการเก็บรักษาผู้ใช้บนหน้าเว็บของคุณ

การตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณเป็นเรื่องง่ายมากถ้าเวลาในการโหลดไซต์ของคุณสูงมากประสิทธิภาพจะต้องน้อย อย่างไรก็ตามการโหลดเวลาอาจได้รับผลกระทบจากหลายสิ่งแม้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณสามารถทำให้ไซต์โหลดช้าได้ ที่ดีที่สุดคือการเลือกเครื่องมือออนไลน์เพื่อตรวจสอบพารามิเตอร์ดังกล่าวมีจำนวนมากของเครื่องมือดังกล่าวผมเลือกข้อมูลเชิงลึกของ Google PageSpeed เครื่องมือนี้ให้สถานะโดยรวมของไซต์การวิเคราะห์ในรายละเอียดและคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาที่พบ

เมื่อผู้เข้าชมโหลดหน้าเว็บในเว็บไซต์ Joomla Joomla จะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลโหลดส่วนขยาย (โมดูลปลั๊กอินส่วนประกอบ) ที่ต้องการในเพจและไฟล์เทมเพลตซึ่งจะแสดงผลเป็นหน้าเดียวดังนั้นกระบวนการทั้งหมดต้องใช้เวลา สิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยใช้ระบบแคช Joomla เมื่อปลั๊กอินเปิดใช้งานครั้งแรกที่มีคนโหลดหน้าผลงานจากกระบวนการด้านบนจะถูกเก็บไว้และผู้เข้าชมจะได้รับรุ่นที่เก็บไว้ของหน้านั้นแทนที่จะทำซ้ำขั้นตอนการโหลดทั้งหมด 

มี 2 ​​ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเพื่อเปิดใช้งานแคช Joomla 

1.1 เปิดใช้งานการตั้งค่า Cache ใน Global configuration 

โปรดไปที่: "System → Global Configuration" จากนั้นเปิดแท็บ "System" ซึ่งคุณสามารถดู "Cache Settings" เลือกแคชแบบแคชหรือแคชโปรเกรสซีฟ 

โหมดแคชอะไรที่จะเลือก?

• Conservative caching - แคชเนื้อหาสำหรับผู้เข้าชมแต่ละราย
• Progressive caching - มอบเนื้อหาแคชเดียวกันให้กับผู้เข้าชมทั้งหมด

1.2 เปิดใช้งานปลั๊กอินแคชของ Joomla 

โปรดไปที่: "Extensions → Plugin Manager" แล้วค้นหาปลั๊กอินแคชของระบบเปิดใช้งาน  

ตัวเลือกบีบอัดไซต์ของคุณก่อนที่จะถูกโอนไปยังผู้เข้าชมซึ่งจะช่วยลดขนาดหน้าเว็บจากนั้นทำให้การโหลดหน้าเร็วขึ้น

หากต้องการเปิดใช้งานตัวเลือกนี้โปรดไปที่ "System → Global configuration → Server → Server Settings" ค้นหาตัวเลือก "GZIP Page Compression" จากนั้นเปิดใช้งาน 

ในเว็บไซต์ของคุณคุณสามารถใช้ส่วนขยายจำนวนมากที่จัดการฟังก์ชันการทำงานที่แตกต่างกันได้ แต่ต้องระวังในการเลือกส่วนขยาย ส่วนขยายบางรายการซึ่งไม่ได้รับการปรับให้เหมาะกับไซต์ของคุณอาจทำให้ไซต์ของคุณช้าลง นอกจากนี้ส่วนขยายอื่น ๆ ที่คุณเลือกที่จะแสดงในส่วนหน้าจะมีการร้องขอ HTTP มากขึ้นที่จะต้องแสดง ดังนั้นทำให้เว็บไซต์ของคุณมีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น คณิตศาสตร์ง่ายๆของมันถ้ามันหนักก็จะต้องใช้เวลาในการโหลด 

รูปภาพเป็นส่วนใหญ่ในเว็บไซต์รูปภาพที่ดีสามารถปรับปรุงเนื้อหา แต่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ไซต์ของคุณโหลดช้า นี่คือเคล็ดลับบางอย่างที่คุณควรดู:

• ใช้ภาพเมื่อคุณต้องการจริงๆ
• อย่าใช้รูปภาพขนาดใหญ่และอย่าเพิ่มภาพมากเกินไปในหน้าเดียว
• ใช้เครื่องมือต่างๆเช่น Adobe Photoshop เพื่อลดขนาดไฟล์ภาพ 

CDN ย่อมาจากเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหาเป็นระบบที่เชื่อมต่อระหว่างกันของเซิร์ฟเวอร์แคชที่ใช้ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์เป็นเกณฑ์สำหรับการนำเสนอเนื้อหาเว็บ เครือข่ายการจัดส่งเนื้อหาช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเร็วขึ้นโดยย่อระยะห่างระหว่างบุคคลที่เข้าชมไซต์และเซิร์ฟเวอร์ที่ส่งเนื้อหา 

CDN เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำเสนอสื่อเช่นวิดีโอเสียงภาพ ฯลฯ ดังนั้นแทนที่จะโหลดสื่อเหล่านั้นจากเซิร์ฟเวอร์โหลดจาก CDN จะมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้มากขึ้น มีหลายส่วนขยายที่สามารถช่วยให้คุณมีอยู่นี้เช่น JA Amazon S3 หรือส่วนขยายเครือข่ายเนื้อหาอื่น ๆ บน JED 

คอมโพเนนต์ JA Amazon S3 นำพลังของระบบคลาวด์คอมพิวติ้งไปใช้กับ Joomla Hybrid hosting ขณะนี้สามารถโหลดไซต์จากเซิร์ฟเวอร์และไฟล์: รูปภาพวิดีโอเอกสาร ฯลฯ จาก Amazon Content Delivery Network 

ดูคุณลักษณะ Amazon ของ JA S3 →

เมื่อเบราว์เซอร์แสดงเนื้อหาจากไซต์จะต้องประมวลผลข้อมูลสไตล์และเลย์เอาต์ทั้งหมดสำหรับหน้านั้น ด้วยเหตุนี้เบราว์เซอร์จะปิดกั้นการแสดงผลจนกว่าจะมีการดาวน์โหลดและประมวลผลชีตภายนอกซึ่งอาจต้องใช้การเดินทางหลายรอบและทำให้เวลาในการแสดงผลเป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการบีบอัด CSS และ JavaScript 

การเพิ่มประสิทธิภาพ CSS และ JS คือกระบวนการลบรหัสที่ไม่จำเป็นหรือซ้ำซ้อนใน CSS ไฟล์ JS เพื่อลดขนาดไฟล์จากนั้นจะรวมไฟล์ CSS และ JS จำนวนคำขอจะลดลง 

คุณสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง แต่ไม่แนะนำเพราะต้องใช้เวลาและมีความเสี่ยงมาก คุณสามารถใช้กรอบงานที่สนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพ CSS และ JavaScript T3 frameworkเป็นตัวเลือกที่ดีที่คุณควรลอง 

ในการตั้งค่าทั่วไปของกรอบเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพ CSS และ JS คุณสามารถยกเว้นไฟล์สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและบันทึกการตั้งค่าได้นั่นแหล่ะ 

นี่คือสิ่งที่คุณจะได้รับ: 

สำรวจคุณลักษณะ→

เลือกใช้เทมเพลตหรือส่วนขยาย ส่วนขยายที่มีการออกแบบที่ดีไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป มีปัจจัยอื่น ๆ ที่คุณควรพิจารณาเช่นคุณลักษณะการใช้งานได้ง่ายเป็นมิตรกับ Search engines มีลักษณะที่เพรียวบางและเหมาะที่สุดฯลฯ 

ขณะนี้การออกแบบตอบสนองมีแนวโน้มดีไซต์ของคุณต้องดูดีในอุปกรณ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ แท็บเล็ตโทรศัพท์มือถือและมีประสิทธิภาพดีในอุปกรณ์เหล่านั้น คุณสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกของ Google PageSpeed เพื่อตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณดำเนินการในโทรศัพท์มือถือและควรกำหนดประเด็นปัญหา 

.htaccess ไฟล์จัดการทางเว็บเซิร์ฟเวอร์ของคุณดำเนินการเว็บไซต์ของคุณมีจำนวนมากของกฎการปรับปรุงความเร็วในเว็บไซต์ของคุณที่นี่มีกฎระเบียบที่ใช้มากที่สุดด้านล่าง:

• ETag - บอกเบราเซอร์ให้เรียกรูปภาพ (ที่ดาวน์โหลดมาแล้ว) จากแคชของเบราว์เซอร์ท้องถิ่นแทนเซิร์ฟเวอร์
• Expires headers - ช่วยให้คุณสามารถกำหนดเวลาการหมดอายุที่แตกต่างกันสำหรับชนิดแฟ้มที่แตกต่างกัน
• AddOutputFilterByType DEFLATE - ลดรหัสต้นฉบับของไฟล์ HTML ที่คอมไพล์โดยการลบบรรทัดว่างและช่องว่าง 

ตัวอย่างสำหรับกฎข้างต้น: 

โฮสต์เว็บที่ดีสามารถปรับปรุงความเร็วไซต์ของคุณได้อย่างมาก การเลือกเว็บโฮสติ้งที่เหมาะกับความต้องการของไซต์ของคุณที่สุด ได้แก่ พื้นที่เว็บการเข้าชมรายเดือนการถ่ายโอนข้อมูลการสำรองข้อมูลการสนับสนุนประเภทฐานข้อมูล CDN ฯลฯ

ที่มา https://www.joomlart.com/