(สตฺถา) อนุปุพฺพีกถํ กเถสิ. เสยฺยถีทํ ? ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สงฺกิเลสํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. (ธมฺมปทฏฺฐกถา 1/5-6)
อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ซึ่งวาจาเป็นเครื่องกล่าวโดยลำดับ ฯ (อ.อันถามว่า อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ซึ่งวาจาเป็นเครื่องกล่าวโดยลำดับ) อย่างไรนี้ (ดังนี้) ? (อ.อันแก้ว่า อ.พระศาสดา) ทรงประกาศแล้ว ซึ่งวาจาเป็นเครื่องกล่าวซึ่งทาน ซึ่งวาจาเป็นเครื่องกล่าวซึ่งศีล ซึ่งวาจาเป็นเครื่องกล่าวซึ่งสวรรค์ ซึ่งวาจาเป็นเครื่องกล่าวซึ่งโทษ ซึ่งการกระทำตํ่า ซึ่งความเศร้าหมองพร้อมแห่งกาม ท. ซึ่งอานิสงส์ในการออกบวช (ดังนี้) ฯ
พระศาสดา ตรัสแล้ว ซึ่งวาจาเป็นเครื่องกล่าวโดยลำดับ ฯ คือ (เสยฺยถีทํ) ? พระศาสดา ทรงประกาศแล้ว ซึ่งวาจาเป็นเครื่องกล่าวซึ่งทาน...ซึ่งอานิสงส์ในการออกบวช ฯ
เสยฺยถีทํ นี้ เป็นศัพท์นิบาต ในความหมายเป็นคำถาม แปลว่า อย่างไร สัมพันธ์ว่า"ปุจฺฉนตฺถ" โดยมากจะวางไว้เฉพาะ เสยฺยถีทํ บทเดียว เวลาแปลต้องขึ้น ปุจฺฉา มาเปิด อิติ ศัพท์ ประโยคภายในนั้น ต้องดูเนื้อความข้างหน้าว่าจะเติมอะไรมาเป็นตัวประธาน เมี่อมีตัวประธานก็ต้องเติมกิริยามาด้วย ส่วนประโยคหลังเป็นประโยคแก้ก็เติม วิสชฺชนํ เข้ามาเปิด ประโยคภายใน พร้อมทั้งเติม อิติ ศัพท์เข้ามา อุ. (ปุจฉา) "(สตฺถา) เสยฺยถีทํ (อนุปุพุพีกถํ กเถสิ) (อิติ). (วิสชฺชนํ) "(สตฺถา) ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สงฺกิเลสํ เนทขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ (อิติ) . (พระมหาสมคิด จินฺตามโย, 2538 : 52)
เสยฺยถีทํ หากแปลโดยอรรถ จะแปลว่า “คือ” ใช้ในกรณีที่เนื้อความที่จะอธิบายเป็นสำนวนชั้นอรรถกถา ซึ่งคำที่แปลว่า “คือ” มีอีกหลายศัพท์ด้วยกัน เช่น อิติ วเสน ยทิทํ กถํ ดังที่ พระมหาโพธวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต), 2544 : 343 ได้อธิบายไว้ว่า คำว่า “คือ” ในสำนวนไทย มาจากศัพท์ว่า อิติ วเสน ยทิทํ เสยฺยถีทํ และ กถํ
: พุทฺธธมฺมสงฺฆวเสน รตนตฺตยํ โลเก อุปฺปนฺนํ ฯ
: เอตทคฺคํ ภิกฺขเว... ภิกฺขูนํ, ยทิทํ...
: คหนํ เหตั ภนฺเต, ยทิทํ มนุสฺสา ฯ (๒/๑๓)
: ตสฺมา ตํ ทิวสํ สตฺถา ฯเปฯ อนุปุพฺพีกถํ กเถสิ เสยฺยถีทํ ? ทานกถํ สีลกถํ ฯเปฯ (๑/๕)
: สงฺขิตฺเตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา เสยฺยถีทํ รูปูปาทานกฺขนฺโธ ฯเปฯ
ที่อยู่ : 23/2 หมู่ 7 โรงเรียนพระปริยัติธรรม
วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
dummy 02-831-1000 ต่อ 13710