การสัมพันธ์ ป.ธ.3

            นักเรียนได้ศึกษาวจีวิภาครู้จักส่วนแห่งคำพูดแล้วควรศึกษาให้รู้จักวิธีประกอบคำพูดเข้าเป็นพากย์เพื่อเป็นประโยชน์ในการพูดหรือแต่งหนังสือซึ่งแสดงความให้ผู้อื่นเข้าใจ   เหมือนนายช่างผู้ฉลาดรู้จักปรุงทัพพสัมภาระให้เป็นเรือน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้จะอยู่ ฉะนั้น  วิธีประกอบคำพูดเข้าเป็นพากย์นั้น  เรียกว่าวากยสัมพันธ์

คำพูดนั้นแบ่งเป็น  ๓  อย่าง  ดังนี้

            ๑.  ศัพท์เดียวหรือหลายศัพท์  แต่ยังผสมให้เป็นใจความไม่ได้เรียกว่า  บท  กำหนดตามวิภัตตินามจะกี่ศัพท์ก็ตามนับวิภัตติละบท ๆ เช่น  ปุตฺโต  เป็นบทหนึ่ง  มาตาปิตเรสุ  เป็นบทหนึ่ง  เป็นตัวอย่าง.

            ๒.  หลายบทผสมให้เป็นใจความได้  แต่ยังเป็นตอน ๆ ไม่เต็มที่เรียกว่า  พากยางค์มี  ๓  อย่าง  คือ
                       (นาม)   กุลสฺส  ปุตฺโต,
                       (คุณ)   ปิโย  ปุตฺโต,
                       (กิริยา)  ปุตฺโต  มาตาปิตเรสุ  สมฺมา  ปฏิปชฺชนฺโต  เป็นตัวอย่าง. ตอนหนึ่ง ๆ  นับเป็นพากยางค์หนึ่ง ๆ.

            ๓.  หลายบทหรือหลายพากยางค์  ผสมให้เป็นใจความได้เต็มที่เรียกว่า  พากย์  เช่น ปุตฺโต  มาตาปิตเรสุ  สมฺมา  ปฏิปชฺชนฺโต  ปสํสํ   ลภติ  เป็นตัวอย่าง.  ตอนมีกิริยาอาขยาตหนึ่ง ๆ   นับเป็นพากย์หนึ่ง ๆ. 

            การศึกษาวิธีประกอบคำพูดเข้าเป็นพากย์มี  ๒  ทาง  คือกำหนดพากย์ที่เรียงไว้แล้วให้รู้ว่า  บทไหนเข้ากับบทไหน   ซึ่งเรียกว่าสัมพันธ์  ทาง ๑  เรียนผูกคำพูดให้เป็นพากย์เองให้ต้องตามแบบอย่าง ทาง  ๑  ใน  ๒  ทางนั้น  ควรเรียนทางสัมพันธ์ให้เห็นเป็นตัวอย่างไว้ก่อนแล้ว  จึงเรียนแต่งเอง เช่นนี้  การศึกษาจะได้สะดวกดี.

ก่อนแต่เรียนสัมพันธ์  ควรรู้จักแบบสัมพันธ์ไว้ก่อน

แบบสัมพันธ์ (ชื่อสัมพันธ์)

            -ต้องท่องจำ-

วิธีสัมพันธ์       

            บททั้งหลายในพากยางค์ก็ดี  ในพากย์ก็ดี   ย่อมมีความเนื่องถึงกันสิ้น.  

            การเรียนให้รู้จักว่า  บทไหนเนื่องกับบทไหน  เรียกว่าเรียนสัมพันธ์.  

            การแสดงวิธีสัมพันธ์นั้นมีใจความสำคัญอยู่ก็เพียงให้รู้จักการเนื่องกันของบทเหล่านั้นอย่างเดียว   จะรู้จักชื่อสังเขปหรือพิสดารไม่เป็นประมาณนัก   แม้ในคัมภีร์โยชนาพระวินัยและพระอภิธรรมก็ใช้บอกชื่ออย่างสังเขป  ในที่นี้จะดำเนินตามอย่างนั้นบ้าง.

ตัวอย่าง

            สตฺถา  อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา  เอวเมส   อตีเตปิ  ตุมฺเห  วิปฺปฏิสาริโนอกาสิเยวาติ   เต ภิกฺขู สญฺญาเปตฺวาอุปนนฺทํ  ครหนฺโต  ภิกฺขเว   ปรํ   โอวทนฺเตน   นาม   ปฐมเมว   อตฺตา ปฏิรูเป ปติฏฺฐาเปตพฺโพติ วตฺวา อิมํ คาถมาห(ภาค ๖ น.๗)

            สตฺถา  สยกตฺตา  ใน  อาห  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก  อิมํ  วิเสสน  ของ  อตีตํ  ๆ  อวุตฺตกมฺม  ใน  ทสฺเสตฺวา  ๆ  ปริโยสานกาลกิริยา  ใน  วตฺวา เป็นต้น

-----------

            ใน    เป็นคำเชื่อมสัมพันธ์  โดยทั่วไป

              ของเป็นคำเชื่อมสัมพันธ์ใช้กับแบบสัมพันธ์คือวิเสสน สญฺญาวิเสสน อพฺภนฺตรกิริยา (ที่เข้ากับนาม)๑ วิเสสลาภี๑ เช่น วิเสสน  ของ  อพฺภนฺตรกิริยา  ของ  เป็นต้น

----------

 

            เอโส  วิเสสน  ของ  อุปปนฺโท  ๆ  สยกตฺตา  ใน  อกาสิ  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก  เอวํ  ศัพท์  กิริยาวิเสสน  ใน  อกาสิ  ปิ  ศัพท์  อเปกฺขตฺถ  เข้ากับ  อตีเต  ๆ  กาลสตฺตมี  ใน  อกาสิ  ตุมฺเห  อวุตฺตกมฺม  ใน  อกาสิ  วิปฺปฏิสาริโน  วิกติกมฺม  ใน  อกาสิ  เอว  ศัพท์  อวธารณ  เข้ากับ  อกาสิ  อิติ  ศัพท์  อาการ  ใน  วตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  สญฺญาเปตฺวา  เต  วิเสสน  ของ  ภิกฺขู  ๆ  การิตกมฺม  ใน  สญฺญาเปตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  ครหนฺโต  อุปนนฺทํ  อวุตฺตกมฺม  ใน  ครหนฺโต  ๆ  อพฺภนฺตรกิริยา  ของ  สตฺถา   ภิกฺขเว  อาลปน 

----------

            จะเห็นได้ว่า  คำว่า  ใน  เป็นคำเชื่อมแบบสัมพันธ์โดยทั่วไป  หากนักเรียนยังไม่ทราบว่า แบบสัมพันธ์บทนี้ ใช้คำเชื่อมว่าอะไร ก็ใช้คำว่า  ใน  ไปก่อน

            คำเชื่อมสัมพันธ์อีกคำ  คำว่า  เข้ากับ  ใช้ในกรณี  ศัพท์นิบาต  เข้ากับนาม คุณนาม กิริยา  บทเดียวบ้าง  หลายบทบ้าง  หลายประโยคบ้าง  ตามแต่เรื่อง  เช่น  อตีเตปิ   ปิ  ศัพท์  อเปกฺขตฺถ  เข้ากับ  อตีเต  ,  อกาสิเยว   เอว  ศัพท์  อวธารณ  เข้ากับ  อกาสิ  เป็นตัวอย่าง

----------

            อตฺตา  วุตฺตกมฺม  ใน  ปติฏฺฐาเปตพฺโพ  ปุคฺคเลน  อนภิหิตกตฺตา  ใน ปติฏฺฐาเปตพฺโพ  ๆ  กิตบท  เหตุกมฺมวาจก  ปรํ  วิเสสน  ของ  ปุคฺคลํ  ๆ  อวุตฺตกมฺม  ใน  โอวทนฺเตน  นาม  ศัพท์  สญฺญาโชตก  เข้ากับ  โอวทนฺเตน  ๆ  วิเสสน  ของ  ปุคฺคเลน  เอว  ศัพท์  อวธารณ  เข้ากับ  ปฐมํ  ๆ  กิริยาวิเสสน  ใน  ปติฏฺฐาเปตพฺโพ  ปฏิรูเป  วิเสสน  ของ  คุเณ  ๆ  อาธาร  ใน  ปติฏฺฐาเปตพฺโพ  อิติ  ศัพท์  อาการ  ใน  วตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  อาห  อิมํ  วิเสสน  ของ  คาถํ  ๆ  อวุตฺตกมฺม  ใน  อาห

----------

 

ลำดับการสัมพันธ์

            ในการสอบสนามหลวง มีลำดับการสัมพันธ์คล้ายลำดับหลักการแปล คือ
                ๑ อาลปน
                ๒ นิบาตต้นข้อความ
                ๓ กาลสัตตมี (เฉพาะที่เข้ากับมุขยกิริยา)
                ๔ ประธาน(หากมีบทขยายไม่ยาวมากจะสัมพันธ์ก่อนก็ได้)
                ๕ กิริยาคุมพากย์
                ๖ ศัพท์และบทที่เหลือ เรียกชื่อสัมพันธ์ไปตามลำดับให้นักเรียนดูตัวอย่างต่อไป

            อตฺตานํ  หิ  ตตฺถ   อนิเวเสตฺวา  เกวลํ  ปรเมว  อนุสาสมาโน  ปรโต  นินฺทํ  ลภิตฺวา  กิลิสฺสติ  นาม ฯ  (ภาค ๖ น.๗)

            หิ  ศัพท์  ผลโชตก  ปุคฺคโล  สยกตฺตา  ใน  กิลิสฺสติ  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก  อตฺตานํ  การิตกมฺม  ใน  อนิเวเสตฺวา  ตตฺถ  วิเสสน  ของ  คุเณ  ๆ  อาธาร  ใน  อนิเวเสตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  อนุสาสมาโน  เกวลํ  กิริยาวิเสสน  ใน  อนุสาสมาโน  เอว  ศัพท์  อวธารณ  เข้ากับ  ปรํ  ๆ  วิเสสน  ของ  ปุคฺคลํ  ๆ  อวุตฺตกมฺม  ใน  อนุสาสมาโน  ๆ  อพฺภนฺตรกิริยา  ของ  ปุคฺคโล  ปรโต  วิเสสน  ของ  ปุคฺคลโต  ๆ  อปทาน  ใน  ลภิตฺวา  นินฺทํ  อวุตฺตกมฺม  ใน  ลภิตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน   กิลิสฺสติ  นาม  ศัพท์  สญฺญาโชตก  เข้ากับ  กิลิสฺสติ  ฯ

---------

            การสัมพันธ์ทิ้ง(สัมพันธ์ปล่อย )คือ การสัมพันธ์ที่จบที่ตัวเอง ไม่มีการเชื่อมโยงกับใคร เช่น  หิ  ศัพท์  ผลโชตก  เป็นต้น  หลักๆจะเป็นนิบาต  ให้นักเรียนดูตัวอย่างต่อไป

----------

            เอกทิวสํ   หิ   เทวทตฺโต  สงฺฆเภทาย  ปริสกฺกนฺโต  อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ   ปิณฺฑาย   จรนฺตํ   ทิสฺวา อตฺตโน   อธิปฺปายํ  อาโรเจสิ ฯ  ตํ   สุตฺวา   เถโร   สตฺถุ   สนฺติกํ   คนฺตฺวา   ภควนฺตํ เอตทโวจ   อิธาหํ   ภนฺเต   ปุพฺพณฺหสมยํ   นิวาเสตฺวา  ปตฺตจีวรมาทาย  ราชคหํ  ปิณฺฑาย  ปาวิสึ  อทฺทสา   โข   มํ   ภนฺเต  เทวทตฺโต  ราชคเห ปิณฺฑาย   จรนฺตํ   ทิสฺวาน   เยนาหํ   เตนุปสงฺกมิ(ภาค ๖ หน้า ๒๐)

            หิ  ศัพท์  สงฺฺเขปโชตก  เอกทิวสํ  กาลสตฺตมี  ใน  อาโรเจสิ  เทวทตฺโต  สยกตฺตา  ใน  อาโรเจสิ  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก  สงฺฆเภทาย  สมฺปทาน  ใน  ปริสกฺกนฺโต  ๆ  อพฺภนฺตรกิริยา  ของ  เทวทตฺโต  อายสฺมนฺตํ  วิเสสน  ของ  อานนฺทํ  ๆ  อวุตฺตกมฺม  ใน  ทิสฺวา  ปิณฺฑาย  สมฺปทาน  ใน  จรนฺตํ  ๆ  วิเสสน  ของ  อานนฺทํ  ทิสฺวา  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  อาโรเจสิ  อตฺตโน  ภาวาทิสมฺพนฺธ  ใน  อธิปฺปายํ  ๆ  อวุตฺตกมฺม  ใน  อาโรเจสิ  ฯ

---------

            หิ  ศัพท์  สงฺเขปโชตก  สัมพันธ์ทิ้ง
           
เราจะเห็นว่า  มีคำว่า  ศัพท์ซึ่งคำว่า  ศัพท์ จะใช้ในกรณีศัพท์ที่ไม่ได้ประกอบวิภัตติ ทั้งนามและกิริยา เป็นประเภทศัพท์  นิบาต  เช่น  หิ  ศัพท์  นาม  ศัพท์  เป็นต้น

---------

             เถโร  สยกตฺตา  ใน  อโวจ  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก  ตํ  วิเสสน  ของ  วจนํ  ๆ  อวุตฺตกมฺม   ใน  สุตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  คนฺตฺวา  สตฺถุ  สามีสมฺพนฺธ  ใน  สนฺติกํ  ๆ  สมฺปาปุณิยกมฺม  ใน  คนฺตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  อโวจ  ภควนฺตํ  อกถิตกมฺม  ใน อโวจ  เอตํ  วิเสสน  ของ  วจนํ  ๆ  อวุตฺตกมฺม  ใน  อโวจ  ภนฺเต  อาลปน  อหํ  สยกตฺตา  ใน  ปาวิสึ  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก  อิธ  วิเสสน  ของ  เวฬุวเน  ๆ  วิสยาธาร  ใน      นิวาเสตฺวา  ปุพฺพณฺหสมยํ  กาลสตฺตมี  ใน  นิวาเสตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  อาทาย  ปตฺตจีวรํ  อวุตฺตกมฺม  ใน  อาทาย  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา  ใน  ปาวิสึ  ราชคหํ  สมฺปาปุณิยกมฺม  ใน  ปาวิสึ  ปิณฺฑาย  สมฺปทาน  ใน  ปาวิสึ  ภนฺเต  อาลปน  เทวทตฺโต  สยกตฺตา  ใน  อทฺทสา  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก  โข  ศัพท์  วจนาลงฺการ  มํ  อวุตฺตกมฺม  ใน  อทฺทสา  ราชคเห  อาธาร  ใน  จรนฺตํ  ปิณฺฑาย  สมฺปทาน  ใน  จรนฺตํ  ๆ  วิเสสน  ของ  มํ   โส  วิเสสน  ของ  เทวทตฺโต  ๆ  สยกตฺตา  อุปสงฺกมิ  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก    ทิสฺวาน  ปริโยสานกาลกิริยา  ใน  อุปสงฺกมิ  อหํ  สยกตฺตา  ใน  วสามิ  ๆ  อาขฺยาตบท   กตฺตุวาจก  เยน  วิเสสน  ของ  ทิสาภาเคน  ๆ  ตติยาวิเสสน  ใน  วสามิ  เตน  วิเสสน  ของ  ทิสาภาเคน  ๆ  ตติยาวิเสสน  ใน  อุปสงฺกมิ

-----------

            ภนฺเต  อาลปน สัมพันธ์ทิ้ง
            โข  ศัพท์  วจนาลงฺการ สัมพันธ์ทิ้ง  จะเห็นได้ว่า  นอกจากศัพท์นิบาต  แล้ว  ศัพท์อาลปนะก็สัมพันธ์ทิ้งด้วยเพราะไม่เข้ากับใคร  ให้นักเรียนดูตัวอย่างต่อไป

-----------

            ยํ   ปน  กตตฺตา  อตฺตโน  หิตญฺจ  อนวชฺชตฺเถน  สาธุญฺจ สุคติสํวตฺตนิกญฺเจว   นิพฺพานสํวตฺตนิกญฺจ   กมฺมํ   ตํ   ปาจีนนินฺนาย  คงฺคาย อุพฺพตฺเตตฺวา    ปจฺฉามุขกรณํ   วิย   อติทุกฺกรนฺติ ฯ(ภาค๖ หน้า ๒๐)

            ปน  ศัพท์  ปกฺขนฺตรโชตก  ยํ  วิเสสน  ของ  กมฺมํ  ๆ  สยกตฺตา  ใน  โหติ  ๆ  อาขฺยาตบท  กตฺตุวาจก  กตตฺตา  เหตุ  ใน  หิตํ  อตฺตโน  สมฺปทาน  ใน  หิตํ  อนวชฺชตฺเถน  เหตุ  ใน  สาธุํหิตํ  ก็ดี  สาธุํ  ก็ดี  สุคติสํวตฺตนิกํ  ก็ดี  นิพฺพานสํวตฺตนิกํ  ก็ดี  วิกติกตฺตา ใน  โหติ  เอว  ศัพท์  อวธารณ  เข้ากับ  จ  ๆ  สี่ศัพท์  ปทสมุจฺจยตฺถ  เข้ากับ  กตตฺตา  อตฺตโน  หิตํ  อนวชฺชตฺเถน  สาธุํ  สุคติสํวตฺตนิกํ  และ  นิพฺพานสํวตฺตนิกํ  กตตฺตา  อตฺตโน  หิตญฺจ  อนวชฺชตฺเถน  สาธุํ  จ  วิวริย  ใน  สุคติสํวตฺตนิกํ  เจว  นิพฺพานสํวตฺตนิกํ  จ  ๆ  วิวรณ 

----------

            จะเห็นว่า มีคำว่า  ก็ดี  คำนี้ใช้ในกรณี  ศัพท์หรือบท ที่มีชื่อเรียกสัมพันธ์เหมือนกัน จะเรียกชื่อสัมพันธ์ที่ละคำก็จะยืดยาวไป  ถือว่าเป็นการรวบความก็ได้  เช่น  หิตํ  ก็ดี  สาธุํ  ก็ดี  สุคติสํวตฺตนิกํ  ก็ดี  นิพฺพานสํวตฺตนิกํ  ก็ดี  วิกติกตฺตา

----------

ตํ  วิเสสน  ของ  กมฺมํ  ๆ  สยกตฺตา  ใน  โหติ  ๆ  อาขฺยาตบท   กตฺตุวาจก    ปาจีนนินฺนาย  วิเสสน  ของ  คงฺคาย  ๆ  ฉฏฺฐีการิตกมฺม  ใน  อุพฺพตฺเตตฺวา  ๆ  ปุพฺพกาลกิริยา ใน -กรณํ  ปจฺฉามุขกรณํ  อุปมาลิงฺคตฺถ  วิย  ศัพท์  อุปมาโชตก  เข้ากับ  ปาจีนนินฺนาย  คงฺคาย  อุพฺพตฺเตตฺวา  ปจฺฉามุขกรณํ  อติทุกฺกรํ  วิกติกตฺตา  ใน  โหติ  อิติ  ศัพท์  สรูป  ใน  อตฺโถ  ฯ

-----------

ปจฺฉามุขกรณํ  อุปมาลิงฺคตฺถ  สัมพันธ์ทิ้ง  เท่าที่นักเรียนศึกษาผ่านมา  จะเห็นได้พอสรุปว่า  สัมพันธ์ทิ้ง  มีในชื่อเรียกสัมพันธ์ดังนี้  
                                        ๑ ลิงฺคตฺถ  อุปมาลิงฺคตฺถ  
                                        ๒ อาลปน
                                        ๓ นิบาต (ต้นข้อความ บอกคำถาม เป็นต้น)
                                        และจะมีแสดงอีกต่อไป

----------

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและแบบฝึกหัด ตาม pdf ด่านล่าง


Loading...

  • Author: admin
  • Hits: 19382
© Copyright pariyat.com 2024. by กองทะเบียนและสารสนเทศ

Search